หนังสือทุกวันนี้ถูกพิมพ์ขึ้นมาอย่างนับไม่ถ้วน มีหลากหลายหมวดหมู่ให้นักอ่านได้เลือกสรร นอกจากหนังสือเรียนที่ประกอบกับการเรียนแล้ว ยังมีหนังสืออ่านนอกเวลาที่หนอนหนังสือให้ความสนใจกันมาก โดยผ่านตัวหนังสือของผู้เขียนเกิดเป็น นิยาย เรื่องสั้น สารคดี และอีกมากมายให้เลือกอ่านกันตามความชอบ
เมื่อก่อนนอกจากหนังสือเรียน ผมต้องบอกตรงๆเลยว่า อ่านเพื่อใช้สอบทั้งนั้นแหละ ผมอีกคนที่เป็นคนไม่ชอบอ่านหนังสือนอกเวลาเอาเสียเลย เพราะคิดว่าเสียเวลากับการอ่านโดยไม่ได้ประโยชน์ เพราะตอนนั้นคิดว่าหนังสือเรียนเพียงอย่างเดียวยังอ่านไม่ทันเลย จะเอาเวลาที่ไหนมาอ่านหนังสือนอกเวลาเนี้ย ฮ่าๆ คิดแล้วก็ตลกตัวเอง จนกระทั่งได้มีโอกาสไปขายหนังสือที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สำนักพิมพ์ Workpoint Publishing จำได้ว่าช่วงนั้นเป็นช่วงน้ำท่วมซึ่งเป็นภัยพิบัติครั้งยิ่งใหญ่ของประเทศไทยเราเลย ทำให้คนมาซื้อหนังสือจำนวนลดลงเมื่อเทียบกับครั้งก่อนๆที่ผ่านมา ทำให้ช่วงนั้นแหละ มีโอกาสที่จะหยิบหนังสือจากสำนักพิมพ์ตัวเองขึ้นมาอ่าน ทำให้ผมชอบการอ่านมากขึ้นและรู้ว่า แนวการอ่านที่ตัวเองชอบคืออะไร ซึ่งแน่นอนหนังสือมีหลายหมวดหมู่ตามที่นักเขียนได้เขียนขึ้น
สำนักพิมพ์วีเลิร์นและน้ำพุสำนักพิมพ์ |
เห็นจะเป็นแนว เรื่องสั้น เนี้ยแหละครับที่อ่านแล้วผมมีความสุขมากที่สุดรวมถึงหนังสือที่มีข้อคิดและออกแนวให้กำลังใจหรือแรงบรรดาลใจ อ่านแล้วก็ทำให้ผมคิดและนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตอยู่ได้บ้างครับ ก็ยังดีกว่าหนังสือเรียนบางเล่มที่อ่านไปแล้วไม่สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับชีวิตของตัวผมเองได้เลยความจริงแล้ววันนี้ผมจะมาแนะนำหนังสือที่น่าสนใจและเพิ่งออกใหม่ในช่วงงานสัปดาห์หนังสือที่ผ่านมาเร็วๆนี้ ได้มีโอกาสไปขายหนังสือของสำนักพิมพ์วีเลิร์นและน้ำพุสำนักพิมพ์ และระหว่างนั้นก็ได้เวลาพักก็ไปเดินดูหนังสือและได้ติดไม้ติดมือมาบ้างพอสมควร...
หนังสือที่ได้มาจากงานสัปดาห์หนังสือครั้งล่าสุด |
เมื่อเดินผ่านบูธ a book Publishing ก็ได้เห็นหนังสือเล่มหนึ่งโดดเด่นจากสายตาของผมจากชั้นวางที่หนังสือกองเต็มไปหมดจนเลือกไม่ถูก แน่นอนอย่างแรกที่หนอนหนังสือเวลาซื้อหนังสือเลือกซื้อจะต้องเป็นนักเขียนหรือไม่ก็น่าปกหนังสือ แต่ผมสะดุดที่หน้าปก แต่ยังไม่รู้หรอกนักเขียนคือใคร ปกหนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า '' NO M>RE NO L<SS '' เป็นหนังสือรวบรวมถ้อยคำ คำคม ที่ผู้เขียนได้เลือกและคัดมาจากทวิตเตอร์และสมุดบันทึกส่วนตัว
NO M>RE NO L<SS |
ถามว่าชอบอะไรในหนังสือเล่มนี้?
ผมชอบคำคมแทบทุกอันเลยหลังจากอ่านแล้วก็ต้อง อ๋อ เออตาม ก็จริงอย่างที่เขียนนะ....
มันไม่ใช่แค่คำพูด แต่มันสามารถลงมือทำได้ ยังมีตัวอย่างประกอบให้เราเห็นภาพได้ชัดเจนและยังอ่านเข้าใจได้ง่าย เหมือนผู้เขียนเล่าเรื่องมากกว่า ไม่วิชาการจนน่าเบื่อ
มาดูคำคมที่ผมหยิบยืมจากหนังสือเรื่องนี้มาแบ่งปันให้เพื่อนๆอ่านกันดู
''หลายคนหลับฝันว่าพรุ่งนี้จะเปลี่ยนแปลงชีวิตแต่พอตื่นมาอีกวันพวกเขาก็ทำเป็นลืมๆมัน''
''คิดแล้วไม่ทำที่สุดเเล้วอาจมีค่าเท่ากับการไม่คิด''
ผมคิดว่าคนเราตอนแรกก็คิดที่จะลุกขึ้นมาสู้หรือเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้นนะแต่พอไม่นานก็เริ่มท้อซะแล้ว ซึ่งมันก็สอดคล้องกับ ''คิดแล้วไม่ทำที่สุดเเล้วอาจมีค่าเท่ากับการไม่คิด'' คำคมเตือนใจ...
''นิสัยแย่ๆที่หากเลิกได้ มันจะแยกเราออกจากคนไม่ได้เรื่องจำนวนมากทันที คือเลิกผัดวันประกันพรุ่ง''
ผู้เขียนได้เขียนว่า จริงอยู่การเริ่มต้นคือขั้นตอนที่ยากที่สุด ก็เหมือนกับการวิ่งที่ 10 นาทีแรกนั้นเต็มไปด้วยความเหนื่อยยากแต่นักกีฬาจนเป็นกิจวัตรจะรู้ถึงผลดีมากมายที่เกิดจากการออกกำลังกาย และนั่นแหละคือรางวัลของการเริ่มต้น พี่โหน่งยังบอกอีกว่า เคล็ดลับง่ายๆ คือ ก่อนริเริ่มอะไรสักอย่างผมมักฝันถึงผลสำเร็จที่หอมหวาน อย่างน้อยมันก็เป็นแรงจูงใจให้เราอยากไปให้ถึง...
กฎสั้นๆที่พี่โหน่งบอกไว้ว่าการเลิกนิสัยผัดวันประกันพรุ่งนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากคือ
ไม่ใช่วันพรุ่งนี้ ไม่ใช่อาทิตย์หน้า เดือนหน้า หรือปีหน้า
แต่เป็นวันนี้!
ตอนนี้!
เดี๋ยวนี้!
''เราจะแกร่งขึ้น เมื่อชีวิตเคลื่อนผ่านตำแหน่งที่ปวดร้าว''
หลังจากที่อ่านประโยคนี้พร้อมกับคำอธิบายด้านหลัง พี่โหน่งทำให้ผมรู้ว่า ทุกคนต้องพบกับความล้มเหลวกันมาทุกคนไม่มากก็น้อย เมื่อพบอย่างแรกก็ปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความเสียใจสักพัก แต่ไม่นาน จะลุกขึ้นยืนและเดินต่อไป...
ผมเองคนหนึ่งก็เคยความปวดร้าวในเรื่องต่างๆมากมายในชีวิต ทั้งหน้าที่การงาน ความรัก ปัญหาต่างๆเหล่านี้มากมาย ผมเชื่อว่าทุกคนต้องเจอมาบ้างแหละไม่มากก็น้อยจริงไหม? แต่สิ่งสำคัญผมคิดว่าเราจะอยู่กับมันอย่างไรให้มีความสุขเมื่อมีปัญหาก็ต้องมีทางแก้เสมอ ผมเชื่ออย่างงั้นนะ เรามักจะบอกว่า ไม่มีทาง.. แต่ในขณะที่พูดยังไม่เริ่ม เพียงแค่กลัวกับสิ่งที่คิดไปเองว่ามันเกิดขึ้นมากกว่า... โลกสวย ฮ่าๆ
''บางคนอาจสงสัยว่าไม่จริงมั้ง ทำไมถึงง่ายอย่างนั้นเชื่อผมเถอะครับมันเป็นเรื่องจริง ร่างกายทุกคนมีกลไกรักษาตัวเองที่เราอาจไม่เคยรู้ แบคทีเรียบางชนิดเป็นภูมิคุ้มกันโรคให้ตัวเราได้ เมื่อเป็นแผลขีดข่วนเล็กน้อย ผิวหนังจะสมานตัวเองได้ในไม่ช้า จิตใจเราก็เช่นกัน กล้ามเนื้อหัวใจของเราแข็งแกร่งกว่าที่เจ้าของมันเคยคิดหลายเท่า ....'' [วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์]
นี้คือส่วนหนึ่งที่ผมยกตัวอย่างคำคมหรือประโยคกินใจที่ผมอ่านแล้ว ทำให้ผมมีกำลังใจในการทำงานและสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน สำหรับคนที่กำลังท้อแท้ หมดกำลังใจ แนะนำให้อ่านหนังสือเล่มนี้นะครับ เป็นหนังสือที่ดีมาก ไม่ได้มีแค่คำคมหรือประโยคโดนๆ ยังมีข้อคิดและประสบการณ์จากผู้เขียนที่ทำแล้วได้ผลโดยเล่าให้ผู้อ่านฟังผ่านตัวหนังสืออีกด้วยนะครับ..
สุดท้ายขอบขอบคุณนักเขียน ที่เขียนหนังสือดีๆออกมาให้อ่านนะครับ... :)
''บางคนอาจสงสัยว่าไม่จริงมั้ง ทำไมถึงง่ายอย่างนั้นเชื่อผมเถอะครับมันเป็นเรื่องจริง ร่างกายทุกคนมีกลไกรักษาตัวเองที่เราอาจไม่เคยรู้ แบคทีเรียบางชนิดเป็นภูมิคุ้มกันโรคให้ตัวเราได้ เมื่อเป็นแผลขีดข่วนเล็กน้อย ผิวหนังจะสมานตัวเองได้ในไม่ช้า จิตใจเราก็เช่นกัน กล้ามเนื้อหัวใจของเราแข็งแกร่งกว่าที่เจ้าของมันเคยคิดหลายเท่า ....'' [วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์]
นี้คือส่วนหนึ่งที่ผมยกตัวอย่างคำคมหรือประโยคกินใจที่ผมอ่านแล้ว ทำให้ผมมีกำลังใจในการทำงานและสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน สำหรับคนที่กำลังท้อแท้ หมดกำลังใจ แนะนำให้อ่านหนังสือเล่มนี้นะครับ เป็นหนังสือที่ดีมาก ไม่ได้มีแค่คำคมหรือประโยคโดนๆ ยังมีข้อคิดและประสบการณ์จากผู้เขียนที่ทำแล้วได้ผลโดยเล่าให้ผู้อ่านฟังผ่านตัวหนังสืออีกด้วยนะครับ..
สุดท้ายขอบขอบคุณนักเขียน ที่เขียนหนังสือดีๆออกมาให้อ่านนะครับ... :)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น