วันจันทร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

NO MORE NO LESS



   หนังสือทุกวันนี้ถูกพิมพ์ขึ้นมาอย่างนับไม่ถ้วน มีหลากหลายหมวดหมู่ให้นักอ่านได้เลือกสรร   นอกจากหนังสือเรียนที่ประกอบกับการเรียนแล้ว ยังมีหนังสืออ่านนอกเวลาที่หนอนหนังสือให้ความสนใจกันมาก โดยผ่านตัวหนังสือของผู้เขียนเกิดเป็น นิยาย เรื่องสั้น สารคดี และอีกมากมายให้เลือกอ่านกันตามความชอบ
 
    เมื่อก่อนนอกจากหนังสือเรียน ผมต้องบอกตรงๆเลยว่า อ่านเพื่อใช้สอบทั้งนั้นแหละ ผมอีกคนที่เป็นคนไม่ชอบอ่านหนังสือนอกเวลาเอาเสียเลย เพราะคิดว่าเสียเวลากับการอ่านโดยไม่ได้ประโยชน์ เพราะตอนนั้นคิดว่าหนังสือเรียนเพียงอย่างเดียวยังอ่านไม่ทันเลย จะเอาเวลาที่ไหนมาอ่านหนังสือนอกเวลาเนี้ย ฮ่าๆ คิดแล้วก็ตลกตัวเอง จนกระทั่งได้มีโอกาสไปขายหนังสือที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สำนักพิมพ์ Workpoint Publishing จำได้ว่าช่วงนั้นเป็นช่วงน้ำท่วมซึ่งเป็นภัยพิบัติครั้งยิ่งใหญ่ของประเทศไทยเราเลย ทำให้คนมาซื้อหนังสือจำนวนลดลงเมื่อเทียบกับครั้งก่อนๆที่ผ่านมา ทำให้ช่วงนั้นแหละ มีโอกาสที่จะหยิบหนังสือจากสำนักพิมพ์ตัวเองขึ้นมาอ่าน ทำให้ผมชอบการอ่านมากขึ้นและรู้ว่า แนวการอ่านที่ตัวเองชอบคืออะไร ซึ่งแน่นอนหนังสือมีหลายหมวดหมู่ตามที่นักเขียนได้เขียนขึ้น


สำนักพิมพ์วีเลิร์นและน้ำพุสำนักพิมพ์

   เห็นจะเป็นแนว เรื่องสั้น เนี้ยแหละครับที่อ่านแล้วผมมีความสุขมากที่สุดรวมถึงหนังสือที่มีข้อคิดและออกแนวให้กำลังใจหรือแรงบรรดาลใจ อ่านแล้วก็ทำให้ผมคิดและนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตอยู่ได้บ้างครับ ก็ยังดีกว่าหนังสือเรียนบางเล่มที่อ่านไปแล้วไม่สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับชีวิตของตัวผมเองได้เลยความจริงแล้ววันนี้ผมจะมาแนะนำหนังสือที่น่าสนใจและเพิ่งออกใหม่ในช่วงงานสัปดาห์หนังสือที่ผ่านมาเร็วๆนี้  ได้มีโอกาสไปขายหนังสือของสำนักพิมพ์วีเลิร์นและน้ำพุสำนักพิมพ์ และระหว่างนั้นก็ได้เวลาพักก็ไปเดินดูหนังสือและได้ติดไม้ติดมือมาบ้างพอสมควร...


หนังสือที่ได้มาจากงานสัปดาห์หนังสือครั้งล่าสุด

เมื่อเดินผ่านบูธ a book Publishing ก็ได้เห็นหนังสือเล่มหนึ่งโดดเด่นจากสายตาของผมจากชั้นวางที่หนังสือกองเต็มไปหมดจนเลือกไม่ถูก แน่นอนอย่างแรกที่หนอนหนังสือเวลาซื้อหนังสือเลือกซื้อจะต้องเป็นนักเขียนหรือไม่ก็น่าปกหนังสือ แต่ผมสะดุดที่หน้าปก แต่ยังไม่รู้หรอกนักเขียนคือใคร               ปกหนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า '' NO M>RE NO L<SS '' เป็นหนังสือรวบรวมถ้อยคำ คำคม ที่ผู้เขียนได้เลือกและคัดมาจากทวิตเตอร์และสมุดบันทึกส่วนตัว



NO M>RE NO L<SS
   NO MORE NO LESS เป็นหนังสือมีขนาดพกพาสะดวก เนื้อหาไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป ซึ่งผู้เขียนได้นำถ้อยคำหรือคำคมดีๆมาเขียนเพื่อสร้างแรงบรรดาลใจและกำลังใจให้แก่ผู้อ่าน โดย พี่โหน่ง หรือคุณ วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ เป็นผู้เขียน ซึ่งผมจะบอกว่าควรซื้อติดไว้ที่บ้านสักเล่ม เผื่อเวลารู้สึกท้อหรือต้องการกำลังใจ และแรงบรรดาลใจในการทำอะไรสักอย่างได้

ถามว่าชอบอะไรในหนังสือเล่มนี้?
 
   ผมชอบคำคมแทบทุกอันเลยหลังจากอ่านแล้วก็ต้อง อ๋อ เออตาม ก็จริงอย่างที่เขียนนะ....
มันไม่ใช่แค่คำพูด แต่มันสามารถลงมือทำได้ ยังมีตัวอย่างประกอบให้เราเห็นภาพได้ชัดเจนและยังอ่านเข้าใจได้ง่าย เหมือนผู้เขียนเล่าเรื่องมากกว่า ไม่วิชาการจนน่าเบื่อ

มาดูคำคมที่ผมหยิบยืมจากหนังสือเรื่องนี้มาแบ่งปันให้เพื่อนๆอ่านกันดู




''หลายคนหลับฝันว่าพรุ่งนี้จะเปลี่ยนแปลงชีวิตแต่พอตื่นมาอีกวันพวกเขาก็ทำเป็นลืมๆมัน''

''คิดแล้วไม่ทำที่สุดเเล้วอาจมีค่าเท่ากับการไม่คิด''

  ผมคิดว่าคนเราตอนแรกก็คิดที่จะลุกขึ้นมาสู้หรือเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้นนะแต่พอไม่นานก็เริ่มท้อซะแล้ว ซึ่งมันก็สอดคล้องกับ  ''คิดแล้วไม่ทำที่สุดเเล้วอาจมีค่าเท่ากับการไม่คิด''  คำคมเตือนใจ...



''นิสัยแย่ๆที่หากเลิกได้ มันจะแยกเราออกจากคนไม่ได้เรื่องจำนวนมากทันที คือเลิกผัดวันประกันพรุ่ง''

 ผู้เขียนได้เขียนว่า จริงอยู่การเริ่มต้นคือขั้นตอนที่ยากที่สุด ก็เหมือนกับการวิ่งที่ 10 นาทีแรกนั้นเต็มไปด้วยความเหนื่อยยากแต่นักกีฬาจนเป็นกิจวัตรจะรู้ถึงผลดีมากมายที่เกิดจากการออกกำลังกาย และนั่นแหละคือรางวัลของการเริ่มต้น พี่โหน่งยังบอกอีกว่า เคล็ดลับง่ายๆ คือ ก่อนริเริ่มอะไรสักอย่างผมมักฝันถึงผลสำเร็จที่หอมหวาน อย่างน้อยมันก็เป็นแรงจูงใจให้เราอยากไปให้ถึง...

กฎสั้นๆที่พี่โหน่งบอกไว้ว่าการเลิกนิสัยผัดวันประกันพรุ่งนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากคือ          
                   ไม่ใช่วันพรุ่งนี้ ไม่ใช่อาทิตย์หน้า เดือนหน้า หรือปีหน้า
                    แต่เป็นวันนี้!
                    ตอนนี้!
                    เดี๋ยวนี้!





 ''เราจะแกร่งขึ้น เมื่อชีวิตเคลื่อนผ่านตำแหน่งที่ปวดร้าว''

หลังจากที่อ่านประโยคนี้พร้อมกับคำอธิบายด้านหลัง พี่โหน่งทำให้ผมรู้ว่า ทุกคนต้องพบกับความล้มเหลวกันมาทุกคนไม่มากก็น้อย เมื่อพบอย่างแรกก็ปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความเสียใจสักพัก แต่ไม่นาน จะลุกขึ้นยืนและเดินต่อไป...

ผมเองคนหนึ่งก็เคยความปวดร้าวในเรื่องต่างๆมากมายในชีวิต ทั้งหน้าที่การงาน ความรัก ปัญหาต่างๆเหล่านี้มากมาย ผมเชื่อว่าทุกคนต้องเจอมาบ้างแหละไม่มากก็น้อยจริงไหม?  แต่สิ่งสำคัญผมคิดว่าเราจะอยู่กับมันอย่างไรให้มีความสุขเมื่อมีปัญหาก็ต้องมีทางแก้เสมอ ผมเชื่ออย่างงั้นนะ เรามักจะบอกว่า ไม่มีทาง.. แต่ในขณะที่พูดยังไม่เริ่ม เพียงแค่กลัวกับสิ่งที่คิดไปเองว่ามันเกิดขึ้นมากกว่า... โลกสวย ฮ่าๆ

''บางคนอาจสงสัยว่าไม่จริงมั้ง ทำไมถึงง่ายอย่างนั้นเชื่อผมเถอะครับมันเป็นเรื่องจริง ร่างกายทุกคนมีกลไกรักษาตัวเองที่เราอาจไม่เคยรู้ แบคทีเรียบางชนิดเป็นภูมิคุ้มกันโรคให้ตัวเราได้ เมื่อเป็นแผลขีดข่วนเล็กน้อย ผิวหนังจะสมานตัวเองได้ในไม่ช้า จิตใจเราก็เช่นกัน กล้ามเนื้อหัวใจของเราแข็งแกร่งกว่าที่เจ้าของมันเคยคิดหลายเท่า ....''  [วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์]

  นี้คือส่วนหนึ่งที่ผมยกตัวอย่างคำคมหรือประโยคกินใจที่ผมอ่านแล้ว ทำให้ผมมีกำลังใจในการทำงานและสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน สำหรับคนที่กำลังท้อแท้ หมดกำลังใจ แนะนำให้อ่านหนังสือเล่มนี้นะครับ เป็นหนังสือที่ดีมาก ไม่ได้มีแค่คำคมหรือประโยคโดนๆ ยังมีข้อคิดและประสบการณ์จากผู้เขียนที่ทำแล้วได้ผลโดยเล่าให้ผู้อ่านฟังผ่านตัวหนังสืออีกด้วยนะครับ..





                

สุดท้ายขอบขอบคุณนักเขียน ที่เขียนหนังสือดีๆออกมาให้อ่านนะครับ... :)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น